ที่สแตนมอร์ มหานครลอนดอน ขึ้นชื่อในเรื่องของความเร็วที่จัดจ้าน ปัจจุบันเล่นให้กับสโมสรฟุตบอลอาร์เซนอล โดยย้ายมาจากเซาแทมป์ตัน
เมื่อวันที่ 20 มกราคม ค.ศ. 2006
ทีโอ วอลคอตต์ เริ่มเล่นฟุตบอลในทีมเยาวชนของเซาแทมป์ตันเมื่อฤดูกาล 2004-05 ที่สามารถทะลุเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศฟุตบอล
เยาวชนเอฟเอคัพไปเจอกับอิปสวิชทาว์นได้ นอกจากนั้น เขายังเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดที่ได้ลงเล่นให้กับสโมสรฟุตบอลเซาแทมป์ตันทีมสำรอง
เมื่ออายุเพียง 15 ปีกับอีก 175 วันเท่านั้น โดยถูกส่งลงมาจากม้านั่งสำรองในการเจอกับวัตฟอร์ตเมื่อเดือนกันยายน ปี 2004 อย่างไรก็ตาม
เขาก็ไม่เคยเล่นในพรีเมียร์ลีกกับเซาแทมป์ตันเลย เนื่องจากเซาแทมป์ตันตกชั้นมาเล่นในลีกแชมเปียนชิพเมื่อสิ้นฤดูกาล 2004-05
ก่อนเริ่มต้นฤดูกาล 2005-06 นั้น วอลคอตต์ตกเป็นข่าวว่าจะได้ไปเล่นในทีมชุดใหญ่ทั่วสก็อตแลนด์หลังจากออกจากโรงเรียนได้เพียง
2 สัปดาห์เท่านั้น ศูนย์หน้ารายนี้กลายเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดที่เคยมีมาที่ได้เล่นฟุตบอลให้กับทีมชุดใหญ่ของเซาแทมป์ตันด้วยอายุเพียง 16 ปี
กับ 143 วัน โดยถูกส่งลงสนามจากม้านั่งสำรองในเกมที่เซาแทมป์ตันเสมอกับวูล์ฟแฮมตันวันเดอเรอร์สในบ้าน ในศึกแชมเปียนชิพอังกฤษ
วอลคอตต์ได้ลงเล่นในทีมชุดใหญ่ในฐานะตัวจริงครั้งแรกในนัดที่ไปเยือนลีดส์ยูไนเต็ด เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม ปี 2005 และสามาระยิงประตูในทีมชุดใหญ่ได้เป็นประตูแรกในเกมเดียวกันนี้เอง เขายิงประตูได้อีกครั้งในเกมกับมิลล์วอลล์ในอีก 4 วันถัดมา และอีกลูกหนึ่งในเกมที่ได้เล่นเต็มเกมที่เจอกับ
สโตคซิตีในบ้านในวันเสาร์ถัดมา จากนั้นเขาก็มีชื่อเสียงขึ้นมาทันทีทันใด และยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมของสำนักข่าวบีบีซีจนถึง
รอบ 3 คนสุดท้ายอีกด้วย โดยรางวัลนี้มีการมอบขึ้นในวันที่ 11 ธันวาคม ปี 2005
ก่อนจะก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของเซาแทมป์ตันนั้น วอลคอตต์ยังเคยโชว์ฝีเท้ามาในแมตช์ประจำปี 2005 อีกด้วย ฟอร์มการเล่นของเขานั้นสร้า
งความตกตะลึงให้กับบรรดาผู้สื่อข่าวชาวอังกฤษมาก ซึ่งหลายคนก็บอกว่าเขาคือนักเตะที่น่าจะรุ่งที่สุดคนหนึ่งในบรรดานักเตะเยาวชนที่มีพรสวรรค์ของอังกฤษ
ในตอนนั้น จากนั้นก็มีข่าวลืออกมาว่าวอลคอตต์อาจจะย้ายไปเล่นในพรีเมียร์ชิพและสื่อก็รายงานว่าเขาตกเป็นข่าวกับทีมชั้นนำของเกาะอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็น
อาร์เซนอล, เชลซี, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ ทอตแนมฮ็อตสเปอร์ นอกจากนั้นก็ยังมีข่าวกับสโมสรยักษ์ใหญ่ทั่วยุโรปไม่ว่าจะเป็นเรอัลมาดริด, ยูเวนตุส,
เอซีมิลาน และ บาร์เซโลนาอีกด้วย
ในที่สุด วอลคอตต์ก็ตกลงเซ็นสัญญากับอาร์เซนอล เมื่อวันที่ 20 มกราคม ปี 2005 ด้วยค่าตัวเริ่มต้น 5 ล้านปอนด์ และอาจจะเพิ่มขึ้นถึง
12 ล้านปอนด์ขึ้นอยู่กับจำนวนนัดที่ลงเล่นให้กับสโมสรและทีมชาติ ทำให้วอลคอตต์กลายเป็นนักเตะที่มีค่าตัวแพงที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลสหราชอาณาจักร
เมื่อเทียบกับบรรดานักเตะวัย 16 ปีด้วยกัน แต่ต่อมา ในเดือนเมษายน 2008 สโมสรเซาแทมป์ตันที่โดนแรงกดดันจากปัญหาด้านการเงินมานานก็ตัดสินใจยอมลด
ค่าตัวของวอลคอตต์ให้เหลือเพียง 9.1 ล้านปอนด์เท่านั้น ข้อเสนอใหม่นี้หมายความว่าอาร์เซนอลต้องจ่ายเงินให้กับเซาแทมป์ตันทันที 1.6 ล้านปอนด์ และอีก
500,000 ปอนด์ในปีต่อมา ซึ่งเงินก้อนนี้ก็จะนำไปรวมกับเงิน 7 ล้านปอนด์ที่อาร์เซนอลจ่ายไปก่อนหน้านี้แล้ว ก็จะรวมเป็น 9.1 ล้านปอนด์พอดี
วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2006 วอลคอตต์ได้ลงเล่นให้กับทีมสำรองของอาร์เซนอลในนัดที่เจอกับทีมสำรองของพอร์ทสมัธที่ฮาวาน เขาทำประตูได้ในนัดนี้
แต่อาร์เซนอลก็แพ้ไป 3-2 นอกจากนั้น วอลคอตต์ยังมีชื่ออยู่ในม้านั่งสำรองในเกมยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกรอบสองนัดแรกที่เจอกับเรอัลมาดริดที่สนามซานเตียโก เบร์นาเบว
เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2006
วันที่ 19 สิงหาคม 2006 วอลคอตต์ได้ลงเล่นในฟุตบอลพรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกในสีเสื้อของอาร์เซนอล เขาถูกส่งลงมาจากม้านั่งสำรองในนาทีที่ 73 ในเกมกับ
แอสตันวิลลาซึ่งเป็นนัดเปิดสนามฤดูกาล 2006-07 และเป็นนัดแรกของสนามเอมิเรตส์สเตเดียมที่ได้ใช้ในการทำศึกพรีเมียร์ลีกอีกด้วย นอกจากนั้น วอลคอตต์ยังเปิดบอลให้กับ
กิลแบร์โต ซิลวาวอลเล่ย์ตีเสมอได้สำเร็จอีกด้วย
และวอลคอตต์ก็ได้ลงเล่นในศึกแชมเปียนส์ลีกเป็นครั้งแรกในเกมที่อาร์เซนอลแข่งขันรอบคัดเลือกรอบที่ 3 กับดินาโม ซาเกร็บนัดที่ 2 ทำให้เขาเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุด
ของอาร์เซนอลที่ได้ลงเล่นในรายการยุโรป ซึ่งเจ้าของสถิติเก่าคือเชสก์ ฟาเบรกัสนั่นเอง และวอลคอตต์ก็ได้ลงเป็นตัวจริงให้กับอาร์เซนอลครั้งแรกเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2006 ในเกม
ที่พบกับวัตฟอร์ตในบ้าน
ผลงานของวอลคอตต์กับอาร์เซนอลและกับทีมชาติอังกฤษนั้นทำให้เขาได้รับรางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของสำนักข่าวบีบีซี ในปี 2006 อีกด้วย
วอลคอตต์ทำประตูแรกให้กับอาร์เซนอลได้ในเกมคาร์ลิงคัพรอบชิงชนะเลิศที่พบกับเชลซีที่สนามมิลเลนเนียมสเตเดียม คาร์ดิฟฟ์ เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2007 และ
ได้เป็นเจ้าของสถิตินักเตะอายุน้อยที่สุดอันดับ 2 ที่สามารถทำประตูได้ในฟุตบอลลีกคัพรอบชิงชนะเลิศ
วันที่ 23 ตุลาคม 2007 วอลคอตต์ก็ทำประตูแรกที่เอมิเรตส์สเตเดียมได้ในรายการยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกในเกมที่พบกับสลาเวีย ปราก โดยในนัดนั้นอาร์เซนอล
ถล่มคู่แข่งไปถึง 7-0 และวอลคอตต์ก็ทำได้ 2 ประตู โดยลูกยิงลูกที่สองของเขานั้นมักจะถูกนำไปเปรียบเทียบลูกยิงที่เธียร์รี่ อองรี ดาวยิงตำนานของทีมยิงให้กับอาร์เซนอลได้บ่อยๆ
วอลคอตต์ได้ขอยกประตูนี้ให้กับ ลัค พี่เขยของเขาที่เสียชีวิตไปเมื่อเดือนที่แล้ว
วันที่ 9 มกราคม 2008 วอลคอตต์ก็สามารถทำประตูในรายการคาร์ลิงคัพในนัดที่พบกับทอตแนมฮ็อตสเปอร์ โดยเป็นการยิงตีเสมอในนาทีที่ 79
(แต่สุดท้าย ทอตแนมฮ็อตสเปอร์ก็ผ่านเข้ารอบด้วยประตูรวมทั้งสองนัด 6-2) วอลคอตต์ทำประตูในพรีเมียร์ลีกได้สำเร็จในนักที่พบกับเบอร์มิงแฮมซิตีที่เซนต์แอนดรูว์เมื่อวันที่
23 กุมภาพันธ์ 2008 โดยยิงได้ 2 ประตูในเกมที่อาร์เซนอลเสมอกันไป 2-2
การติดทีมชาติ
วอลคอตต์ได้ลงเล่นให้กับทีมชาติอังกฤษชุด B นัดที่พบกับเบลารุสเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2006 ต่อมา วันที่ 30 พฤษภาคม 2006 วอลคอตต์ก็สร้างประวัติศาสตร์ด้วย
การเป็นนักเตะอังกฤษที่อายุน้อยที่สุดที่ติดทีมชาติชุดใหญ่เต็มตัวในนัดที่อังกฤษอุ่นเครื่องกับฮังการีที่โอลด์แทรฟฟอร์ด ด้วยอายุเพียง 17 ปีกับอีก 75 วันเท่านั้น โดยในนัดนั้น อังกฤษเอาชนะไป 3-1
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น