ในขณะที่ลูกชายมาเอาดีทางการเป็นศิลปินลูกหนังแทน โดยเขาได้เริ่มต้นเส้นทางสายลูกหนังกับทีมเยาวชนเอสบีวี เอ็กเซลซิเออร์
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่มีปัญหาไม่ลงรอยกับสตาฟฟ์โค้ช และแม่ของเขา ฟาน เพอร์ซี ก็ได้ย้ายไปอยู่กับเฟเยนูร์ด แทน
ก่อนที่จะพัฒนาอย่างก้าวกระโดด จนถูกเรียกขึ้นมาติดทีมชุดใหญ่อย่างรวดเร็ว ด้วยอายุเพียง 17 ปี อีกทั้งยังโชว์ผลงานสุดแจ่ม
กระทั่งคว้าตำแหน่งดาวรุ่งยอดเยี่ยมลีก ดัตช์ ประจำปี 2001-02 จากนั้นต้นสังกัดไม่รอช้า จับดาวเตะผอมบางเซ็นสัญญาเป็นนักเตะอาชีพเป็นเวลาสามปีครึ่ง
ทว่าหัวหอกดาวรุ่งก็มีความขัดแย้งกับ เบิร์ต ฟาน มาร์ไวค์ กุนซือของทีมในขณะนั้น จนถูดลดชั้นไปเล่นในทีมสำรอง
“พฤติกรรมที่รับไม่ได้ของเขา บังคับให้ผมต้องลดชั้น โรบิน ไปอยู่กับทีมสำรอง และไม่มีความเป็นไปได้ที่เขาจะกลับมาอยู่ในทีมชุดใหญ่อีกแล้ว ในระหว่างที่ผมเป็นนายใหญ่ของเฟเยนูร์ด”
“โรบิน” ตกลงเซ็นสัญญา 4 ปีกับอาร์เซน่อล เมื่อวันที่ 17 พ.ค. 2004 ด้วยค่าตัวเพียง 2.75 ล้านปอนด์ (ประมาณ 130 ล้านบาท) จากเดิมที่คาดว่า
จะอยู่ราว 5 ล้านปอนด์ (250 ล้านบาท) ก่อนที่จะได้ประเดิมสนามด้วยการเป็นตัวสำรองในเกมคอมมิวนิตี้ ชิลด์ ซึ่ง “ปืนใหญ่” คว้าชัยเหนือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3-1 ในเดือนส.ค. ปีเดียวกัน
ในช่วงแรก ฟาน เพอร์ซี ต้องลงเล่นเป็นตัวสำรองเป็นส่วนใหญ่ แถมยังถูกโยกไปยืนปีกซ้ายซะเยอะ เพราะช่วงนั้น “เดอะ กันเนอร์ส” ใช้งาน เธียร์รี่ อองรี เป็นหน้าเป้า และยังมี
อย่างไรก็ดีในช่วงต้นซีซั่น 2005-06 หัวหอกชาวดัตช์ เริ่มปรับตัวเข้ากับทีมได้ดีขึ้นเรื่อยๆ จนได้รางวัลผู้เล่นดาวรุ่งยอดเยี่ยมประจำเดือนพฤศจิกายน หลังจากซัดไป 8 ลูก แต่ว่า
อดีตแข้งเฟเยนูร์ด เจออาการบาดเจ็บถามหาในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2006 จนหายหน้าไปนานหลายเดือนก่อนจะกลับมามีชื่อเป็นตัวสำรองในเกมนัดชิงยูซีแอล ซึ่งพบกับ บาร์ซ่า แต่ก็ไม่ได้สัมผัสเกมแต่อย่างใด
ระหว่างซีซั่น 2007-08 อองรี ดาวยิงอมตะ ตัดสินใจย้ายไปร่วมทัพบาร์เซโลน่า ส่งผลให้ ฟาน เพอร์ซี่ กลายเป็นดาวยิงตัวหลักของอาร์เซน่อล แต่ช่วงเวลาดังกล่าว อาการบาดเจ็บเป็นปัญหาใหญ่
ฤดูกาล 2008-09 ถือเป็นช่วงที่ ฟาน เพอร์ซี่ ท็อปฟอร์มที่สุด โดยเขาทำได้ถึง 20 ประตูในทุกถ้วย และนั่นทำให้เขาได้รับการโหวตให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมแห่งฤดูกาลจากการลง คะแนนของแฟนๆ
ผ่านเว็ปไซต์สโมสร ทว่าในขณะที่ฟอร์มกำลังรุ่งๆ อยู่นั้น ฟาน เพอร์ซี ก็โชคร้ายข้อเท้าหักระหว่างการเล่นให้ทีมชาติ จนทำให้ต้องพักยาวถึง 5 เดือน ก่อนที่จะกลับมาลงสนามได้ในช่วงเดือนเม.ย. 2010 ก่อนที่
หลังการย้ายไปอยู่บาร์ซ่าของ ฟาเบรกาส ในช่วงซัมเมอร์ปี 2011 เวนเกอร์ ก็ได้แต่งตั้งให้ ฟาน เพอร์ซี เป็นกัปตันทีมคนใหม่อย่างเป็นทางการ โดยเขาต้องรับบทหนักในการรับภาระผู้นำในยามที่ไม่มี
ประวัติ โรบิน ฟาน เพอร์ซีในส่วนของทีมชาตินั้น ฟาน เพอร์ซี ติดทีมชุดใหญ่ของฮอลแลนด์เป็นครั้งแรก ในเกมคัดบอลโลก 2006 กับโรมาเนีย ก่อนที่จะทำประตูแรกได้ในเกมที่พบกับ ฟินแลนด์
นัดต่อมาดาวเตะปืนใหญ่ ติดทีมกังหันสีส้มมาโดยตลอดไม่ว่าจะเป็นฟุตบอลโลก 2006 รอบสุดท้าย, ยูโร 2008 และศึกฟุตบอลโลก 2010 ซึ่งฮอลแลนด์ ผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศก่อนที่จะไปพ่าย สเปน 0-1
ฤดูกาลล่าสุด (2011-12) ถือเป็นปีทองของ ฟาน เพอร์ซี่ หลังจากกดไปถึง 30 ประตูจากการลงสนาม 38 นัด นอกจากนี้ ปัญหาอาการบาดเจ็บที่เคยหลอกหลอนเจ้าตัวก็ถูกพับเก็บใส่ลิ้นชักเป็นที่เรียบร้อย
ก่อนจะช่วยต้นสังกัดคว้าอันดับสามในพีเมียร์ลีก ส่งผลให้กองหน้าทีมชาติฮอลแลนด์ กลายเป็นหนึ่งในแปดดาวซัลโวตลอดกาลของสโมสรอาร์เซน่อล ด้วยการกดไปทั้งสิ้น 132 ประตูจากการลงสนาม 277 นัด
ทั้งนี้บทบาทของ ฟาน เพอร์ซี่ กับไอ้ปืนใหญ่ถึงทางแยก ภายหลังที่เจ้าตัวกำลังจะย้ายไปสวมยูนิฟอร์ม “ปิศาจแดง” ด้วยค่าตัวราว 24 ล้านปอนด์ (ประมาร 1200 ล้านบาท)
ฤดูกาล2012-2013
โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ เป็นดาวซัลโวของพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลที่ผ่านมา จึงได้ย้ายไปร่วมกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด และได้แชมป์พรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรก
ฤดูกาล2014-2015
ในฤดูกาลนี้ ฟาน เพอร์ซี่ มีอาการบาดเจ็บรบกวนตลอดกอรปกับอายุมากที่ขึ้น ทำให้ประสิทธิภาพการเล่นถดถอยลง และเมื่อสิ้นสุดฤดูกาลจึงได้ย้ายไปเฟแนร์บาห์เช
เช่นเดียวกับ นานี เพื่อนร่วมสโมสรที่ได้ย้ายไปก่อนหน้านั้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น