ลูกากู เริ่มเล่นฟุตบอลกับทีมท้องถิ่นในบ้านเกิดอย่าง รูเปล บูม ก่อนที่เขาจะได้ไปอยู่กับ เลียร์เซ่ และได้กลายไปเป็นนักเตะอาชีพกับทางด้านสโมสร อันเดอร์เลช ในปี 2006 โรเมลู ลูกากู กลายไปเป็นนักเตะอาชีพตั้งแต่ที่เขามีอายุเพียง 16 ปีเท่านั้นและกลายเป็นดาวซัลโวสูงสุดในลีกเบลเยี่ยมในฤดูกาล 2009-2010 จนพา อันเดอร์เลช คว้าแชมป์ เบลเยี่ยม แชมเปี้ยนชิพ ได้สำเร็จ
เชลซี (2011-2014)
เกมแรกกับ เชลซี ที่เขาออกสตาร์ทเป็นตัวจริงเกิดขึ้นในศึก ลีกคัพโดยพบกับ ฟูแล่ม ซึ่งเกมนี้ เชลซี เอาชนะด้วยการดวลจุดโทษไป ส่วนเกมแรกที่เขาออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในศึก พรีเมียร์ลีก เป็นเกมที่พบกับ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ซึ่งเขาสามารถคว้า แมนออฟเดอะแมตช์ มาครองได้ด้วยจากการทำ 1 แอสซิต ให้ จอห์น เทอร์รี่
เอฟเวอร์ตัน (2013-2014) (ยืมตัว)
ถึงแม้ความฝันของเขาจะเป็นการกลับไปแย่งตัวจริงในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ แต่ทว่าก็ดูเหมือนอนาคตของเขากับยอดทีมจาก ลอนดอน ดูจะไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่เพราะเมื่อช่วง ซัมเมอร์ 2013 ตลาดนักเตะเปิด ลูกากู ก็ถูก เอฟเวอร์ตัน ขอยืมตัวไปใช้งาน ด้วยสัญญา 1 ฤดูกาลเช่นเดิม เขาเปิดตัวได้อย่างดุดันหลังสามารถทำประตูได้ทันทีในการลงสนามเกมแรกให้กับ เอฟเวอร์ตัน โดยเกมนั้นสามารถเอาชนะ เวสต์แฮม ไปได้ 3-2 เมื่อ 21 กันยายน 2013 ก่อนที่ถัดมาอีก 9 วัน ลูกากู จะโชว์ซัดเบิ้ดใส่ นิวคาสเซิ่ล ให้ ''ทอฟฟี่สีน้ำเงิน'' เอาชนะ ไปได้ 3-2 เท่านั้นยังไม่พอ เมื่อเกมใหญ่กับ แมนฯซิตี้ เขาก็เป็นคนทำประตูให้ เอฟเวอร์ตัน ออกนำไปก่อน 1-0 ก่อนที่สุดท้ายจะแพ้ไป 1-3 และเกม เมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้ ครั้งแรกของเจ้าตัว โดยเขากดประตูใส่ ลิเวอร์พูล ได้ถึง 2 ลูกก่อนที่เกมจะจบลงด้วยผลเสมอกันไป 3-3 ซึ่ง ลูกากู ยอมรับว่าเกมนี้เป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมสำหรับตัวเขามากๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น